ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สวิตช์ไฟแสดงสถานะ LED ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในตลาด มอบประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ดีมากแก่ผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการขาย มีการได้ยินเรื่องร้องเรียนเป็นครั้งคราว ซึ่งบ่งชี้ว่าสำหรับไฟ LED บางดวงที่ควบคุมโดยสวิตช์ไฟแสดงสถานะ LED ยังคงมีปรากฏการณ์การกะพริบเล็กน้อยหลังจากปิดเครื่อง ควรเปลี่ยนหลอดไฟหรือสวิตช์
หลังจากการตรวจสอบและทดสอบของเรา เราพบว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากตัวสวิตช์เอง แม้ว่าสวิตช์ที่มีไฟแสดงสถานะ LED จะถูกปิด แต่ก็ยังมีปรากฏการณ์กระแสเกิน แต่กระแสไฟมีขนาดเล็กมาก เพียงประมาณ 20 ถึง 30 ไมโครแอมแปร์ (หนึ่งไมโครแอมแปร์เท่ากับหนึ่งในล้านของแอมแปร์) ซึ่งเกือบจะเทียบเท่ากับไฟฟ้าสถิต ภายใต้สถานการณ์ปกติ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกำเนิดแสงฟลูออเรสเซนต์หรือแหล่งกำเนิดแสง LED การปิดเครื่องจะไม่ทำให้เกิดการกะพริบ ดังนั้น สถานการณ์ข้างต้นเกิดขึ้น ปัญหาอยู่ที่แหล่งจ่ายไฟที่ใช้โดยไฟ LED
ปัจจุบัน แหล่งจ่ายไฟที่ใช้สำหรับไฟ LED ส่วนใหญ่มีสองประเภท: หนึ่งคือแหล่งจ่ายไฟแบบแยก และอีกประเภทคือแหล่งจ่ายไฟแบบไม่แยก แม้ว่าแหล่งจ่ายไฟแบบไม่แยกจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงอย่างมากในแง่ของอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในตลาดไฟ LED ราคาจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน ไม่เพียงแต่โรงงานขนาดเล็กที่มีแบรนด์ด้อยคุณภาพเท่านั้น แต่แบรนด์ไฟขนาดใหญ่บางแบรนด์ยังได้ผ่อนปรนข้อกำหนดด้านคุณภาพสำหรับต้นทุน และแม้แต่แบรนด์ไฟที่มีอิทธิพลบางแบรนด์ก็ยังแสดงปรากฏการณ์ดังกล่าวในผลิตภัณฑ์บางประเภท
ในสถานการณ์เช่นนี้ ฉันเชื่อว่ามีอย่างน้อยสองสิ่งที่สามารถทำได้: ประการแรก เกี่ยวกับทัศนคติ เมื่อเกิดการร้องเรียนดังกล่าว ควรเปลี่ยนหลอดไฟหรือสวิตช์? ทัศนคติของเราคือต้องเปลี่ยนหลอดไฟ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ดีก็ดี เสียก็เสีย เราไม่สามารถปล่อยให้ผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพขับไล่ผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าได้ ประการที่สอง ควรพยายามส่งเสริมการจัดตั้งมาตรฐานแห่งชาติสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด เปิดเผยปัญหาต่อสาธารณชน เพื่อให้อุตสาหกรรมไฟ LED สามารถพัฒนาได้อย่างราบรื่นและเป็นระเบียบมากขึ้น
